วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หลักการลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่

chinese new year Graphics


ในการลงทุนนั้นมีหลักการที่ง่ายมากๆ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ตอนนี้แล้วนานๆมีครั้งที่เราจะได้ช็อปของดีราคาถูกซึ่งตอนนี้ลดราคากระหน่ำ 50-80% แล้ว ถ้ามีเงินเยอะก็ซื้อไว้เยอะ มีเงินน้อยก็ซื้อไว้น้อยตามกำลัง แต่ต้องเผื่อเงินสดไว้ด้วยสัก 10-20% ก็น่าจะดี หลักการลงทุนในหุ้นสำหรับมือใหม่นั้นไม่ยากเลย มือใหม่ก็รู้อยู่แล้วว่าด้อยประสบการณ์มากเปรียบเทียบกับการขับรถ ถ้าท่านเป็นมือใหม่กำลังหัดขับรถโอกาสที่จะขับรถเฉี่ยวชนมีมากกว่า 50% แน่นอน คนนั้นแนะนำอย่างนั้น คนนี้แนะนำอย่างนี้ ตอนแรกจะเชื่อหมด ที่จริงแล้วคนแนะนำเขาแนะนำตามที่เขามีประสบการณ์มาแต่มือใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ซึ่งจะทำให้เอาข้อมูลคำแนะนำไปใช้ยังไม่ได้ครบร้อยเปอร์เซ็น ต้องเจอกับตัวเองก่อนหรือมีประสบการณ์กับเหตุการณ์นั้นก่อนถึงจะรู้ซึ้งว่า โอ้ว....มันเป็นแบบนี้นี่เอง

นักลงทุนมือใหม่ทุกคน เมื่อเข้ามาลงทุนครั้งแรกจะต้องเสียค่าวิชามากบ้าง น้อยบ้าง ผมก็มีประสบการณ์ขาดทุนมาเยอะตั้งแต่เริ่มลงทุน หนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับหุ้นซื้อมาอ่านหมด เช่น หนังสือตีแตก ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร คำภีร์หุ้นของคุณโสภณ ด่านศิริกุล และหนังสือหุ้นอื่นๆ อ่านครั้งแรกสับสนเหมือนกัน เพราะสไตล์การลงทุนของแต่ละท่านจะแตกต่างกันมาก ท่าน ดร.นิเวศน์ จะสอนการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Values investment) สอนให้เป็นนักลงทุนมากกว่าการเล่นหุ้น ให้ถือยาว ส่วนท่านอื่นๆจะสอนการเล่นหุ้นมากกว่าการลงทุนในหุ้น พออ่านมากๆสับสนครับไม่รู้จะลงทุนยังงัย อ่านหลายๆรอบก็พอจะรู้แต่รู้ไม่ลึก

พอคิดว่าความรู้แน่นแล้วก็เปิดบัญชีซื้อขาย ซื้อตอนแรกก็พอได้ตังค์ พอได้ตังค์แล้วคิดว่าตัวเองเก่งมั่นใจเกือบเต็มร้อย ทุ่มเต็มที่ ในที่สุดเลือดสาด....ครับพี่น้อง ขาดทุนเยอะเหมือนกัน จากนั้นก็ได้มาอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่หลายรอบ จึงรู้ว่าหนังสือที่เราอ่านเล่มเดียวกัน เมื่ออ่านต่างกรรมต่างวาระจะเข้าใจต่างกันมากๆเลย ยิ่งอ่านมากยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นแมงเม่าเข้าตำราที่เขียนไว้เลย นี่แหล่ะเขาเรียกว่ามือใหม่หัดลงทุน (มือใหม่ดีนะครับ มีใครมั้ยที่ไม่ชอบของใหม่...ฮ่า ฮ่า)

หลังจากนั้นได้นั่งคิด นอนคิด ทบทวนการลงทุนของตัวเองว่าถ้าเราเป็นมือใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ เราต้องค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเองก่อน ก่อนที่จะลงทุน เพราะถ้าเล่นแบบมวยวัดแล้วล่ะก็มีแต่เจ้งกับเจ้ง ตอนนั้นก็คิดมากเหมือนกันแต่คิดยังงัยก็คิดไม่ออก พอดีช่วงนั้นมีเวลาว่างเยอะได้ออกไปดูบอลกับเพื่อนๆทำให้ไม่มีเวลามาคิดเรื่องหุ้นมากนัก อยู่ดีๆก็เกิดปิ้งไอเดียขึ้นทันที การลงทุนในตลาดหุ้นเหมือนกีฬาฟุตบอล (ในช่วงที่เรียนมหา’ลัย ติดการพนันฟุตบอลมากๆเลย ต้อง **** ทุกวันถ้าหากมีการแข่งขัน โดยไม่รู้ข้อมูลของทีมที่จะแข่งมากนัก แต่ก็ **** ส่วนมากจะเสียมากกว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า) การลงทุนในหุ้นไม่ต่างจากกีฬาฟุตบอล เราเป็นผู้จัดการ ส่วนหุ้นเป็นนักเตะที่เราคิดว่าเตะดีเราจึงซื้อ แต่นักเตะในหุ้นของเราไม่ควรเยอะเหมือนฟุตบอลนะ ถ้าอยากได้เยอะควรไปซื้อกองทุนรวมน่าจะดีกว่าเพราะมีคนดูแลให้ สำหรับการจัดทัพของผมคือ 6-3-1 เน้น defensive ป้องกันไว้ก่อน ซื้อนักเตะกองหลังสัก 2-3 ตัว เช่น Rio Ferdinand ,Jhon Terry เป็นต้น ถ้าเป็นหุ้นต้องเป็นหุ้นบลูชิพ BLUE CHIP 1-10 อันดับแรก เป็นกองหลังที่แน่นปึกไม่ล้มละลายได้ง่ายๆ ต่อไปเลือกกองกลาง เช่น Steven Gerrard ,Frank Lampard หรือ Harry Kewell(คนนี้ชอบเป็นการส่วนตัวชอบมาตั้งแต่อยู่กับ LEEDS UNITEDแล้ว)เป็นต้น ในหุ้นก็เหมือนกัน เราควรเลือกหุ้นขนาดกลาง คาดว่าจะเติบโตเร็ว หวือหวาหน่อยโดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.settrade.com พอเลือกกองกลางเสร็จแล้วต่อไปเลือกกองหน้า การเลือกกองหน้านั้นผมเปรียบเสมือนการเล่น day-week-month trading เราต้องเลือกตามกระแส เช่นนักเตะกองหน้าที่กำลังดังๆ แต่ค่าตัวอาจจะแพงหน่อย หรือดาวรุ่งกำลังมาแรงแต่ราคายังไม่แพง การเลือกหุ้นในการเล่นก็เหมือนกัน หาหุ้นที่คนกำลังสนใจแล้วเข้าไปร่วมแจม แต่ต้องเข้าเร็วออกเร็วนะถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เจอคู่แข่งที่เล่นหนักอาจจะโดนเสียบขาหักได้ ฮ่า ฮ่า

หากมีเงิน 1 ล้าน ซื้อกองหลัง 2-3 ตัว สัก 6 แสน เซ็นสัญญาสัก 3-5 ปี
ซื้อกองกลาง 2 ตัว สัก 3 แสน เซ็นสัญญาสัก 1-2 ปี
กองหน้า 1 ตัว สัก 1 แสน เซ็นสัญญา วันนึง สัปดาห์นึงหรือ 1-2-3-4-5-6เดือนก็แล้วแต่ว่านักเตะยังโชว์ฟอร์มได้ดีรึเปล่า
หากมีทุนน้อยก็ซื้อตามน้อยนะครับ สโมสรไม่ได้มีชื่อเสียงง่ายๆแค่วันสองวันแต่ต้องเป็นทศวรรษหรือมากกว่า เรื่องความรวยก็เช่นเดียวกันครับไม่ต่างกันเลย
แค่นี้ก็สบายใจในการเล่นแล้ว รับรองเต็มเป๋า.........ชัวววววววววร์

โดย KEWELL007

2 ความคิดเห็น:

เด็ก on 14 กรกฎาคม 2553 เวลา 21:32 กล่าวว่า...

พึ่งหัดเล่นหุ้นได้ 2 เดือนเหมือนกัน
แต่ว่าเราเด็กเกินไปจริงๆ
น่ากลัวมากเลยตลาดหุ้น
ผมว่าคนกำไรเนี่ย ส่วนน้อยๆๆๆๆๆ จริงๆ

Unknown on 14 กรกฎาคม 2553 เวลา 23:45 กล่าวว่า...

ผมก็ใหม่ครับ ผมว่าเราอย่าไปหวั่นไหวตามตลาดมากนักครับ ถ้าหุ้นที่เราถือพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเราหวั่นไหวตลาดตามอเสร็จมันเลย ผมชอบสวนตลาดอ่ะครับ แบบว่าหุ้นตกแล้วนิ่งๆ แล้วรอจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่เราต้องการ แล้วใจเย็นๆรอให้ได้กำไรที่ตั้งเป้าไว้ ค่อยขายครับ รอบที่ผ่านมาผมก็ขายหมูไป เซ็งไม่หายเลย เป็นเพราะอารมณ์แท้ๆ 555

แสดงความคิดเห็น

Link-Seed

  • Link-Seed - ผมได้รวบรวมลิงค์ "การเงิน-การลงทุน" ที่ผมสนใจมาแปะเอาไว้ในบล็อก Link-Seed เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาข้อมูลข่าวสาร และนำมาพิจารณาการลงทุนอีกทีหนึ่ง เพื่อนๆ ...
Custom Search
 
Financeseed Copyright © 2009 Blogger Template Designed by Bie Blogger Template