วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หุ้นวัฎจักร-อะไรเคยดีๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะแย่ไม่ได้

chinese new year Graphics


อาทิตย์นี้ว่างๆ ฝนก็ตก ไปไหนลำบาก
ก็เลยไปหาหนังสือมาอ่านเล่นๆครับ ได้หนังสือของ ปีเตอร์ ลินช์ ที่แปลจาก beating the street มาอ่านฆ่าเวลา

ก่อนอื่นเลย ผมต้องบอกว่า ผมไม่มีความรู้ในทางการลงทุนเลยนะครับ

ในหนังสือมีหัวข้อหนึ่งเขียนว่า
"หุ้นวัฏจักร: อะไรที่แย่ เดี๋ยวมันก็ดี"

ทำให้ผมสนใจหุ้นกลุ่มนี้มาก
เพราะเห็นว่า ในตลาดหุ้นไทยมีก็เพียงกลุ่มนี้แหละ ที่น่าจะทำกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงจัง ถ้าเข้าถูกจังหวะ

ส่วนใหญ่ หนังสือที่ผมอ่านทางการลงทุน ก็เป็นหนังสือแปล เป็นแนวคิดของคนอเมริกา ซึ่งตลาดบ้านเรา คนละเรื่องกับตลาดบ้านเขาเลย เช่น
บริษัทเราหาธรรมาภิบาลยาก ถ้าธรรมาภิบาลยังไม่ดี เราจะวิเคราะห์งบการเงินได้ถูกต้องอย่างไร
บริษัทบ้านเราไม่มีสินค้าที่เป็น product ที่สามารถทำให้เกิด brand royalty จนสามารถขยายสาขาไปได้มาก หรือมีศักยภาพทำกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง เหมือนที่อเมริกาที่สินค้าเขาขายได้ทั่วโลก
ฯลฯ

ทีนี้มาเรื่องที่ผมกำลังสนใจ แต่ไม่มีความรู้ครับ คือ หุ้นวัฏจักร ถ้าใครมีความรู้ ช่วยเข้ามาชี้ทางกระจ่างให้ผมก็จะขอบคุณมากครับ

หุ้นแบบนี้ สำหรับคนที่เข้าถูกจังหวะ จะรวยไม่รู้เรื่องเลย และมันมีอยู่ในตลาดหุ้นไทยด้วย ส่วนใหญ่เป็นสินค้า commodities ทั้งหลาย
เช่น โลหะพวก เหล็ก ทองแดง สังกะสี ทองคำ เดินเรือ น้ำมัน ปิโตรเคมี
ใครที่เคยซื้อ atc, psl, rcl, tta ตอนขาขึ้น คงได้กันหลายสิบเท่าไปเรียบร้อยแล้ว ในระยะเวลาไม่กี่ปี

แต่แน่นอน ถ้าเข้าผิดจังหวะ ก็เจ๊งแน่นอน

หุ้นกลุ่มนี้ เขาว่า p/e ต่ำๆ ให้ขาย p/e สูงๆ ให้ซื้อ
ตอนนี้ p/e ก็ลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้วทั้งนั้น ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ tta อย่างกลุ่มไทเก้น ได้ขายไปเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับ บ้านปู ที่ทะยอยขาย atc

สำหรับนักลงทุนที่เข้าใจในกลุ่มวัฏจักร คงจะขายก่อนที่ราคามันจะลง อาจจะไม่ต้องขายที่จุดสูงสุด แต่ขายเมื่อเห็นว่า upside gain มันเหลือน้อยแล้ว ซึ่งเราไม่มีทางรู้ ยกเว้น เราจะเป็นผู้อยู่ในธุรกิจนั้นๆ และมีความแม่นในการวิเคราะห์ทิศทางของธุรกิจเสียเอง

ทีนี้ ถ้า p/e ดูไม่ได้ เราจะดูอะไรดี ว่า ธุรกิจมันเข้า cycle ขาลงแน่แล้ว

อันนี้ ผมอยากถามผู้รู้มากๆครับ

แต่ถ้าให้ผมเดาเอง ก็
๑ ดู p/bv เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหรือไม่
๒ ดูกำไรว่า ลดลงหรือไม่

ผมว่า ข้อสอง นี้สำคัญมาก ถ้าธุรกิจเริ่มแสดงว่า ทำกำไรได้น้อยลง นั่นอาจจะมี upside gain เหลือเพียงเล็กน้อยแล้ว หรืออาจจะเริ่มเข้า cycle ขาลงกันเลยก็ได้

ทีนี้ ถ้าเรามาดูการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเติบโต แบบที่เข้าสูตรหุ้นชั้นดี คือ มีกำไรทุกปี จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี ฯลฯ

เราจะลงทุนอย่างไร?

เรามองศักยภาพของธุรกิจไทยอยู่ที่ไหน หุ้นในกลุ่มไหน? ในเมื่อประชากรของเรา ไม่มี brand royalty ของสินค้าที่ผลิตในประเทศ ศักยภาพการส่งออกของเราสู้ต่างชาติไม่ได้ สินค้าของเราถูกกำหนดโดยภาพรวมของราคาสินค้าในตลาดโลก คือไม่สามารถมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาสินค้าได้เอง ฯลฯ

ยกเว้น หุ้นวัฎจักรที่ต้องเข้าขาขึ้นแล้ว ผมก็แทบหาไม่เจออีกเลย ที่จะมีหุ้นที่ทำกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการเติบโตของตัวธุรกิจเอง
ส่วนใหญ่ เอาเข้าตลาดมาก็ตอนที่มัน peak แล้ว แถมยังปรับแต่งงบให้ดูดีก่อนเข้ามาอีก
ดังจะเห็น ipo หลายตัวทำวีรเวรเอาไว้

จุดแข็งของเราอยู่ที่ไหนกันนะ? หุ้นกลุ่มไหนที่เราน่าจะซื้อลงทุนกันดีนะ?

ใครรู้ช่วยตอบทีครับ
ผมจะได้เปลี่ยนเป็นนักลงทุน ที่เห็นหุ้นแดงๆแล้วดีใจ เห็นหุ้นเขียวๆ แล้วเซ็ง ได้เสียที

ถ้าให้ผมเดาเอง แบบคนไม่มีความรู้

ผมว่าน่าจะเป็นบริการ การอยู่ในทำเลที่ดี ภาพรวมของประเทศในทางการบริการและการท่องเที่ยวยังดูดี

ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่
๑ รอลงทุนใน cycle ขาขึ้นของหุ้นวัฏจักร
๒ ลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ เพื่อรอ cycle ขาขึ้นรอบใหม่ของหุ้นวัฏจักร คือ
-กลุ่มบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล
-กลุ่มพํฒนาอสังหาฯ ชั้นดี ที่มีประวัติยาวนาน ยิ่งเน้นขายต่างชาติ ยิ่ง work
-กลุ่มที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะมีธุรกิจหลากหลาย คล้าย holding company
-กลุ่มโรงงานที่มีการบริหารจัดการที่ดี
-กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่มีศักยภาพ สามารถขยายงานไปในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ก็คงคิดได้เท่านี้ครับ เพราะความรู้ผมยังน้อยเหลือเกิน

ผู้รู้ช่วยเติมให้ก็จะขอบคุณมากครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Link-Seed

  • Link-Seed - ผมได้รวบรวมลิงค์ "การเงิน-การลงทุน" ที่ผมสนใจมาแปะเอาไว้ในบล็อก Link-Seed เพื่อเป็นเครื่องมือในการหาข้อมูลข่าวสาร และนำมาพิจารณาการลงทุนอีกทีหนึ่ง เพื่อนๆ ...
Custom Search
 
Financeseed Copyright © 2009 Blogger Template Designed by Bie Blogger Template